ปวดหัวอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เชื่อว่าในชีวิตเราต้องมีสักครั้งที่ปวดหัว ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจกำลังย้ำแย่อาจทำให้ปวดหัวได้อยู่บ่อยๆ สำหรับอาการปวดหัวเอาจริงๆก็มีหลายแบบ แต่ที่คนนิยมเป็นกัน(ไม่รวมปวดหัวเพราะป่วย) จะมี 2 แบบ คือ
1.ปวดหัว ไมเกรน
2.ปวดหัว จากความเครียด
สองอาการนี้มันต่างกันยังไง?
1.ปวดหัวไมเกรน
สาเหตุ ปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่ว่ากันว่าอาจเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ที่ทำให้หลอดเลือดไวต่อสิ่งกระตุ้น จึงทำให้เมื่อมีอาการปวด จะปวดตามเส้นเลือดในหัว
ลักษณะการปวด ปวดแบบตุ้บ ๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ (ส่วนมากจะปวดหัวแค่ข้างเดียว) โดยก่อนปวด มักมีอาการเตือนก่อน เช่น เห็นแสงวูบวาบ ตาพร่า ตาลาย
นอกจากนี้คนที่เป็นไมเกรนมักจะมีสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ปวดไมเกรนมากขึ้น ได้แก่ อากาศร้อนๆ การนอนไม่พอ ช่วงมีประจำเดือน หรือ การกินอาหารบางชนิดที่กระตุ้น เช่น ชีส เนย ช็อคโกแลต ไวน์ เป็นต้น
วิธีป้องกันและรักษา
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรน ช่วงแรกอาจจะต้องสังเกตก่อนว่าก่อนที่จะมีอาการปวดไมเกรนมีอะไรทำให้เราปวดบ้างเช่น เจอแสงแดดแล้วปวด กินอาหารบ้างอย่างแล้วปวด เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงได้ถูก
– ถ้าปวดมากๆทนไม่ไหว อาจต้องทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด
2.ปวดหัวจากความเครียด
สาเหตุ เกิดจากการที่ร่างกายมีความเครียดแล้วหลั่งสารเคมีบางชนิดออกมา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหัว ขมับ บ่า เกิดการเกร็งตัว ลักษณะการปวดจะปวดตึง ๆ ตื้อ ๆ เหมือนมีอะไรมารัดหัว!! จึงทำให้รู้สึกปวดรอบๆ หัว และอาจปวดลามลงไปถึง คอ ไหล่ บ่า เลยก็มี
สำหรับสิ่งกระตุ้นที่มักทำให้เกิดการปวดหัวจากความเครียด คือ ความเครียด การพักผ่อนที่ไม่พอ หรือการกินข้าวผิดเวลาก็กระตุ้นได้เหมือนกัน
วิธีป้องกัน และ รักษา
1.ปล่อยวาง มองโลกให้บวกขึ้น พยายามสนุกกับชีวิตและการทำงานให้มากขึ้น
2. นั่งสมาธิ เข้าวัดทำบุญ หรือ เล่นกับน้องหมา
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
4.หมั่นออกกำลังกาย
5.ถ้าปวดแบบไม่ไหวจริงๆ ก็กินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ หรือ ปรึกษาแพทย์
แม้อาการปวดหัวทั้งสองชนิดจะสร้างความทรมานให้แก่เรา แต่ลุงโจนส์ยอมปวดหัว ดีกว่าปวดใจ เพราะ คนใจร้ายอย่างเธอ คนที่ไม่มีน้ำใจ ไม่มีเยื่อใย ให้คนเคยรักกัน…