
ซิฟิลิส ทำงี้ติดไหมนะ?
โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีวิธีป้องกันง่ายมาก นั่นคือ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่ายาก เลยทำให้โรคซิฟิลิสกลับมาระบาดหนักขึ้น เพราะหากเราเปลี่ยนคู่นอนหลายคนเชื้อโรคก็ยิ่งมีโอกาสแพร่กระจายมาสู่เราโดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทาง..
1.แผลที่ผิวหนัง (อาจเป็นรอยข่วนหรือแผลที่เล็กมากๆ ขนาดที่ตาเรามองไม่เห็น) เช่น รอยข่วนในช่องคลอด
2.เยื่อบุ เยื่อเมือกของเรา เช่น ช่องปาก ช่องคลอด ทวารหนัก
ดังนั้นกิจกรรมทางเพศที่เพิ่มโอกาสติดเชื้อ เช่น
-sex แบบไม่ใส่ถุงยาง
-oral sex (คือการใช้ปากสัมผัสกับอวัยวะเพศของคู่นอน) หากไปสัมผัสโดนแผลซิฟิสในตำแหน่งที่เรามองไม่เห็น เช่น ในช่องคลอด ก็มีโอกาสติดเชื้อได้
-จูบ ในกรณีที่โดนแผลซิฟิสที่ปาก
-ใช้มือช่วย เสี่ยงถ้ามือเราเป็นแผลแล้วโดนแผลซิฟิลิส
สรุป Key message หลักๆ ของการเสี่ยงติดเชื้อนั่นคือ การโดนแผลซิฟิลิส และ มี sex แบบไม่ใส่ถุงยาง
ดังนั้นการใช้ห้องน้ำต่อจากคนเป็นโรคซิฟิส หรือ กินข้าวด้วยกัน หรือ ว่ายน้ำด้วยกัน หรือ สบตากัน จึงไม่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคซิฟิลิสแต่อย่างใดจ้า
ทีนี้มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพลาดหรือมีความเสี่ยงติดเชื้อไปแล้วบ้าง
หากติดเชื้อแล้ว จะแบ่งอาการเป็น 3 ระยะ คือ
–ระยะ 1 เป็นแผลขอบยกนูน กลม ขนาดเล็ก เรียกว่าแผลริมแข็ง
เกิดขึ้นบริเวณที่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่มักเกิดที่อวัยวะเพศได้ทั้งชาย และ หญิง
ที่สำคัญคือ แผลไม่เจ็บ แถมหายเองได้ แต่เชื้อมันได้กระจายเข้าไปในร่างกายแล้ว
ถ้าไปรักษาตั้งแต่ระยะนี้จะรักษาหายง่ายมาก ดังนั้นไม่ต้องอาย จู๋ จิ๋มเป็นแผลแปลกๆเมื่อไหร่ เดินไปเปิดให้ดูหมอได้เลย
–ระยะที่ 2 เป็นผื่นตามผิวหนัง รวมไปถึงเยื่อบุต่างๆ ไม่คัน ผื่นหายเองได้
อาจเกิดผื่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ในช่องปาก หนังหัว
บางครั้งผื่นเป็นจางๆ เลยไม่ได้สังเกต
คนจะแพร่เชื้อในระยะนี้เยอะ แม้แต่จูบก็เสี่ยงกับการติดเชื้อได้เพราะเขาอาจมีผื่นในช่องปากก็ได้
–ระยะที่ 3 ไม่แสดงอาการแต่มันแฝงอยู่ในตัวเป็นปีๆ จนมันเริ่มกัดกินจากข้างใน
เชื้อจะเริ่มทำลายสมอง เส้นประสาท หัวใจ ตา เส้นเลือด ตับ กระดูก ข้อ
ทำให้เราตาบอด เป็นอัมพาต สมองเสื่อม และเสียชีวิตในที่สุด
ระยะนี้เลือดของผู้ป่วยจะมีเชื้ออยู่ด้วยแม้ภายนอกดูไม่มีอาการอะไร
ถ้ารอถึงระยะนี้จะเริ่มรักษายากละ แต่ก็ต้องรักษานะจ๊ะ
ด้วยความหวังดีจากลุงโจนส์ครับ
อ้างอิงข้อมูล
1.
3.
